อย่างที่บอกว่า แรชฟอร์ด ซึ่งซีซั่นนี้สอยตาข่ายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมากขึ้น

จะได้รับภาระหน้าเป้าอย่างแน่นอนเนื่องจาก สเปอร์ส ภายใต้การกุมบังเหียนของ อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นทีมที่อันตรายไม่ใช่เล่นซึ่งแม้ซีซั่นก่อน โรนัลโด้ จะกระหน่ำแฮททริคพาทีมล้ม ไก่เดือยทอง ได้ 3-2 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่มาซีซั่นนี้ ซีอาร์เซเว่น ไม่หลงเหลือความน่าเกรงขามอีกต่อไปแล้วด้านปีกทั้งสองข้าง อันโตนี่ ยังไม่มีคู่แข่งแม้เกมล่าสุดจะเล่นไม่ออก แต่เขาจะลงไปทำเกมทางกราบขวาตามปกติ ขณะที่ เจดอน ซานโช่ ซึ่งเป็นอีกรายที่ผลงานเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้จะได้สวมบทปีกซ้ายปะทะกับ

ไก่เดือยทอง เช่นกันเนื่องจาก เทน ฮาก ไม่คิดเปิดโอกาสให้ แอนโธนี่ อีแลงก้า สักเท่าไหร่ลิเวอร์พูล จะสามารถสร้างโมเมนตัมแห่งชัยชนะได้อีกหรือไม่ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งโชว์ฟอร์มสุดยอดปราบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ชนิดหักปากกาเซียนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเกมต่อไปพวกเขาต้องพบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กลางสัปดาห์นี้ ซึ่งฟอร์มก็เริ่มกระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง งานนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” จะเลือกใช้แท็กติกเด็ดที่จม “เรือใบสีฟ้า” หรือจะหันกลับมาเล่นระบบ 4-3-3 ที่ชื่นชอบอีกครั้ง ส่วน “ขุนค้อน” ก็ไม่ธรรมดาเพราะทีมไม่แพ้ใคร 5 เกมหลังสุดในทุกรายการ ดังนั้นตอนนี้พวกเขาพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋าเลยทีเดียวต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์มากๆ ที่เห็น โจ โกเมซ สามารถต่อกรกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ได้อย่างสุดยอด

สามารถจัดการกับกองหน้าที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีกได้อยู่หมัดโกเมซ

กำลังเริ่มกลับมามีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้โอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการได้ยื่นคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก ซึ่งทั้งสองคนเก็บคลีนชีตในลีกได้ถึง 19 แมตช์เลยทีเดียวแน่นอนว่า คล็อปป์ น่าจะให้โอกาส โกเมซ ได้ลงเล่นอีกครั้ง เพราะนักเตะกำลังมั่นใจสุด แต่สิ่งสำคัญก็คือดาวเตะชาวอังกฤษรายนี้ต้องพยายามรักษามาตรฐานการเล่นให้คงเส้นคงวา

ถ้าหากฟอร์มสามวันดีสี่วันไข้ก็คงต้องกลับไปนั่งตบยุงในซุ้มม้านั่งสำรองอีกครั้งแน่ๆในสถานการณ์ที่ ดีโอโก้โชต้าได้รับบาดเจ็บหนักที่น่องจนต้องพักยาว 1 เดือน ลิเวอร์พูล ยังคงใจชื้นได้บ้างเนื่องจากโมฮาเหม็ดซาลาห์กลับมาเฉียบคมอีกครั้งหลังจากที่โชว์ฟอร์มสุดยอดในเกมจมเรือใบสีฟ้า”เกมล่าสุด กุนซือชาวด๊อยท์ช จับ “บังโม”ยืนตรงกลางและผลงานก็ยอดเยี่ยมซะด้วยโดยสามารถปั่นป่วนเกมรับของแมนฯ ซิตี้ได้ตลอด ที่สำคัญเขายังมีโอกาสยิงประตูหลายครั้งด้วยขณะเดียวกันการได้เล่นร่วมกับโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยิ่งทำให้ซาลาห์สามารถงัดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะ “บ็อบบี้” นอกจากจะทำหน้าที่เป็นหน้าต่ำแล้วยังคอย

ลงมาเชื่อมเกมแดนกลางเพื่อสร้างความหลากหลายในเกมรุกอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือตำแหน่งของ ดาร์วิน นูนเญซ ในเกมกับแมนฯ ซิตี้ ดาวยิงชาวอุรุกวัย แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทำผลงานได้ดีเยี่ยมเมื่อยืนทางริมเส้นฝั่งซ้าย และน่าจะได้ทำหน้าที่นี้อีกครั้งในเกมกับ เวสต์แฮม แต่สิ่งสำคัญก็คือนักเตะต้องเลิกเห็นแก่ตัว ไม่งั้นเพื่อนไม่คบแน่ๆ

ติดตามบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ private-radio.com